ซีอีโอชื่อดังของ Tesla ยืนยันว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่นี้กำลังอยู่ในโหมดฟื้นตัว “ใช่ เราอาจเสียยอดขายไปบ้าง… แต่ยอดขายตอนนี้ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว” อีลอน มัสก์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ที่งาน Qatar Economic Forum โดยปัจจุบันเขารับบทบาทหลากหลาย ทั้งหัวหน้ากรมปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE), ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมถึง Tesla ที่กำลังผันผวนอย่างหนักในตลาดหุ้น
นักลงทุนดูเหมือนจะเชื่อคำพูดของเขา หุ้น Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ปรับขึ้น 1% ในการซื้อขายวันอังคารทันทีหลังการให้สัมภาษณ์
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น Tesla ผันผวนหนัก เนื่องจากตลาดยังไม่แน่ใจว่ามัสก์เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อนของบริษัท หุ้นเคยพุ่งทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อต้นปีจากการเก็งว่า รัฐบาลทรัมป์อาจสนับสนุน EV ผ่านนโยบายภาครัฐ และล่าสุดหุ้นก็กลับมาแข็งแกร่งขึ้นบางส่วนจากความคาดหวังเกี่ยวกับหุ่นยนต์ Optimus ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026
อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมัสก์เริ่มมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น และท่าทีบางอย่างกลายเป็นที่ถกเถียง เจ้าของรถ Tesla ฝั่งเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยเริ่มหันหลังให้กับแบรนด์ ยอดขายชะลอตัว และนักลงทุนบางส่วนตั้งคำถามว่า มัสก์ยังให้ความสำคัญกับการสร้างรถยนต์ หรือเปลี่ยนเป้าหมายไปที่การสร้างอิทธิพลทางการเมืองกันแน่
ยอดขายของ Tesla ในยุโรปลดลงอย่างมาก โดยมัสก์ยอมรับว่า ตัวเลขเดือนเมษายน “ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ” พร้อมกล่าวว่า “ยุโรปคือจุดอ่อนของเรา” และให้เหตุผลว่ามาจากหลายปัจจัย เช่น ภาษีนำเข้า และความต้องการรถ EV ที่อ่อนแรงโดยรวม
แม้กระนั้น มัสก์ลดทอนความเสี่ยงในระยะยาวว่า “มันกลับมาแล้ว… ไม่งั้นหุ้นก็คงไม่ใกล้จุดสูงสุดขนาดนี้” เขากล่าว พร้อมย้ำว่าตลาดการเงินได้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของบริษัทแล้ว
เมื่อถูกถามถึงความมุ่งมั่นกับ Tesla ท่ามกลางบทบาทที่เพิ่มขึ้นในวอชิงตัน มัสก์ยืนยันว่า “แน่นอน ไม่มีข้อสงสัย” พร้อมกล่าวว่าเขาจะดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Tesla อย่างน้อยอีก 5 ปี
เขายังไม่ใส่ใจต่อข้อกังวลเกี่ยวกับแพ็คเกจค่าตอบแทนมูลค่า 56,000 ล้านดอลลาร์ที่ถูกศาลเดลาแวร์ตีตกในปีนี้ โดยพูดเสียดสีว่า “นักเคลื่อนไหวที่แกล้งทำเป็นผู้พิพากษาในชุดฮาโลวีน… ไม่มีผลต่อความมุ่งมั่นของผมกับ Tesla” และเสริมว่า สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “สิทธิออกเสียงที่มากพอ เพื่อไม่ให้นักลงทุนเชิงเคลื่อนไหวขอให้ผมออกได้”
นอกจาก Tesla แล้ว ธุรกิจอื่นของมัสก์อย่าง SpaceX ก็ยังคง “บินสูง” อย่างแท้จริง โดยขณะนี้ SpaceX รับผิดชอบภารกิจปล่อยจรวดมากที่สุดในโลก และดำเนินการดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่กว่า 80% ผ่านโครงการ Starlink
มัสก์ยังได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่ Starlink อาจจะ IPO แต่ก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตรวจสอบจากนักลงทุนทั่วไป “เป็นไปได้ว่า Starlink อาจเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต” พร้อมระบายความไม่พอใจต่อคดีฟ้องร้องจากนักลงทุนที่ “ทำเหมือนปกป้องนักลงทุน แต่จริงๆ แล้วบิดเบือนแรงจูงใจของบริษัท”
และหนึ่งในคำพูดรุนแรงที่สุดของมัสก์มุ่งเป้าไปที่ OpenAI บริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งและกำลังฟ้องร้องอยู่ “มันก็เหมือนคุณให้เงินทุนกับองค์กรไม่แสวงกำไรเพื่ออนุรักษ์ป่าอเมซอน แต่สุดท้ายพวกเขากลายเป็นบริษัทที่ล้มป่าแทน” มัสก์กล่าว พร้อมยืนยันว่าการที่ OpenAI เปลี่ยนจากองค์กรเปิด-ไม่แสวงกำไร กลายเป็นบริษัทปิด-แสวงกำไร ถือว่าทรยศต่อพันธกิจดั้งเดิม รวมถึงเงินทุน 50 ล้านดอลลาร์ที่เขาลงไป
สำหรับตอนนี้ มัสก์ยังคงยืนกรานว่า Tesla กลับมาแล้ว แม้ยุโรปจะยังเป็นจุดอ่อน และเสียงวิจารณ์ยังดังอยู่ การที่นักลงทุนจะซื้อเรื่องการฟื้นตัวของ Tesla หรือไม่ อาจขึ้นอยู่กับว่า มัสก์สามารถโฟกัสจากวอชิงตันกลับมาที่ Tesla ได้มากแค่ไหน.
Leave a Comment