หนึ่งในอินดิเคเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด Forex และหุ้นคือ RSI (Relative Strength Index) ซึ่งช่วยบอกให้เรารู้ว่า สินทรัพย์นั้น ๆ อยู่ในภาวะ ซื้อเกิน (Overbought) หรือ ขายเกิน (Oversold) ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการหาจุดกลับตัวของราคา
📌 RSI คืออะไร?
RSI หรือ Relative Strength Index เป็นอินดิเคเตอร์วัด “แรง” ของราคาตลาด โดยดูจาก อัตราส่วนของวันที่ราคาขึ้นเทียบกับวันที่ราคาลง ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปคือ 14 แท่งเทียน) ค่า RSI จะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100
- RSI สูง (มากกว่า 70) → บ่งชี้ว่า “อาจจะ” เข้าสู่ภาวะ ซื้อเกิน
- RSI ต่ำ (น้อยกว่า 30) → บ่งชี้ว่า “อาจจะ” เข้าสู่ภาวะ ขายเกิน
📐 สูตรการคำนวณ RSI
ค่าคำนวณของ RSI มีดังนี้:
- คำนวณค่า RS (Relative Strength)
RS = ค่าเฉลี่ยของวันที่ราคาขึ้น ÷ ค่าเฉลี่ยของวันที่ราคาลง - นำค่า RS มาใส่ในสูตร:
RSI = 100 – (100 ÷ (1 + RS))
🧮 ตัวอย่างการคำนวณ:
ถ้าในช่วง 14 วันที่ผ่านมา:
- วันที่ราคาขึ้น: 9 วัน → ค่าเฉลี่ยกำไร = 1.5
- วันที่ราคาลง: 5 วัน → ค่าเฉลี่ยขาดทุน = 0.5
คำนวณ RS:
RS = 1.5 ÷ 0.5 = 3
นำไปใส่สูตร RSI:
RSI = 100 – (100 ÷ (1 + 3))
= 100 – (100 ÷ 4)
= 100 – 25
= 75
🧠 แนวคิดที่อยู่เบื้องหลัง RSI
RSI ถูกคิดค้นโดย J. Welles Wilder Jr. ในปี 1978
เขาต้องการหาวิธีดูว่า “ราคากำลังอยู่ในภาวะสุดโต่งหรือไม่” โดยใช้ แรงของราคาในอดีต มาเทียบกัน เพื่อพิจารณาว่าราคามีแนวโน้มจะกลับตัวหรือวิ่งต่อ
📊 การนำ RSI ไปใช้ในการเทรด
1. ซื้อเมื่อ RSI < 30
บ่งชี้ว่าตลาดอาจ “ขายมากเกินไป” → มีโอกาสเด้งกลับ
2. ขายเมื่อ RSI > 70
บ่งชี้ว่าตลาดอาจ “ซื้อมากเกินไป” → มีโอกาสพักฐานหรือกลับตัวลง
3. Divergence
ถ้าราคาทำ “จุดสูงใหม่” แต่ RSI ไม่ทำ → อาจเป็นสัญญาณกลับตัว
ตัวอย่างกราฟ

⚠️ ข้อควรระวัง
- RSI เป็น อินดิเคเตอร์ lagging คือ มักตามหลังราคาเล็กน้อย
- อย่าใช้ RSI ตัวเดียวในการตัดสินใจ ควรใช้ร่วมกับ แนวรับ-แนวต้าน, price action, หรือ indicator อื่น
✅ สรุป
RSI เป็นเครื่องมือที่เข้าใจง่าย เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร โดยเฉพาะการหาจังหวะเข้าออกจากตลาดเมื่อตลาดอยู่ในภาวะสุดโต่ง แต่ควรใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
Leave a Comment