ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังนักลงทุนตอบรับในเชิงบวกต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เลื่อนการเก็บภาษีการค้าฉบับใหม่กับยุโรปออกไป
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำการปรับตัวขึ้นของตลาด โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่โดดเด่นของบริษัท Xiaomi ของจีน (OTC:XIACF) (HK:1810) และการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มนี้ล่วงหน้าก่อนการประกาศผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI อย่าง NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) ซึ่งมีกำหนดประกาศหลังตลาดสหรัฐฯ ปิดในวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อคืน ขณะที่นักลงทุนยังตอบรับในเชิงบวกต่อสัญญาณเสถียรภาพในตลาดพันธบัตร ดัชนีฟิวเจอร์ส S&P 500 ทรงตัวในช่วงซื้อขายเอเชียที่ระดับประมาณ 5,934.0 จุด หลังจากดัชนี S&P 500 กระโดดขึ้นกว่า 2%
บางตลาดในภูมิภาคปรับตัวขึ้นน้อยกว่า เช่น หุ้นออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคออกมาสูงกว่าคาด
ในขณะที่หุ้นจีนเคลื่อนไหวในกรอบแคบหรือลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง PDD Holdings (NASDAQ:PDD) ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่องและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศที่ยังอ่อนแอ
หุ้นเทคโนโลยีพุ่ง นำโดย Nvidia
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.8% แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
บริษัท Advantest Corp. (TYO:6857) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของ Nvidia เพิ่มขึ้น 2.2% ส่วน SK Hynix Inc (KS:000660) และ Samsung Electronics Co Ltd (KS:005930) ของเกาหลีใต้ ซึ่งจัดหาชิปหน่วยความจำให้กับ Nvidia ต่างเพิ่มขึ้น 2.7% และ 3.3% ตามลำดับ
บริษัท TSMC (TW:2330) และ Hon Hai Precision Industry Co Ltd (TW:2317) หรือ Foxconn ของไต้หวัน ต่างปรับตัวขึ้นประมาณ 0.5%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิปและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อลงทุนล่วงหน้าก่อนผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งคาดว่าจะออกมาดีทั้งในด้านกำไรและรายได้ เนื่องจากยังคงได้รับอานิสงส์จากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังให้ความสนใจกับแนวโน้มของ Nvidia เกี่ยวกับดีมานด์ด้าน AI และสถานการณ์ในจีน เนื่องจากบริษัทต้องรับมือกับข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปจากสหรัฐฯ ไปยังจีนที่เข้มงวดมากขึ้น
หุ้นจีนชะลอ เงินเฟ้อเชิงลบกดดันแม้ Xiaomi ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี CSI 300 และ Shanghai Composite ของจีนลดลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงลดลง 0.3%
ความกังวลเกี่ยวกับเงินฝืดยังคงเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ PDD Holdings ซึ่งรายได้ไตรมาสแรกลดลงเกือบครึ่งจากปีก่อน เนื่องจากยอดขายในประเทศได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Temu ก็ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ
ผลประกอบการอ่อนแอของ PDD เกิดขึ้นหลัง Alibaba ประกาศผลประกอบการที่น่าผิดหวังเช่นกัน
ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเชิงลบกลบข่าวดีจาก Xiaomi ซึ่งทำกำไรไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นของ Xiaomi เพิ่มขึ้น 1.6% ในการซื้อขายที่ฮ่องกง
ตลาดอื่นในเอเชียเคลื่อนไหวจำกัด
แม้ตลาดส่วนใหญ่ในเอเชียปรับตัวขึ้น แต่หลายตลาดยังเพิ่มขึ้นจำกัด ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
ดัชนี Straits Times ของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนดัชนี TOPIX ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.5%
ดัชนีฟิวเจอร์ส Gift Nifty 50 ของอินเดียลดลง 0.1% บ่งชี้ถึงการเปิดตลาดที่อ่อนตัว โดยยังไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 25,000 จุดได้
Leave a Comment