ขั้นตอนการเข้าเทรด ICT Kill Zone

ตัวอย่างการเข้าเทรดในฝั่งขาย (SELL) โดยใช้ช่วงเวลา New York Kill Zone เป็นหลัก (สำหรับการเข้าเทรดฝั่งซื้อ (BUY) สามารถใช้กระบวนการเดียวกันได้เพียงแต่ปรับใช้ในทิศทางตรงกันข้าม)

ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์โครงสร้างตลาด (Market Structure)

เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบแนวโน้มของตลาดในภาพรวม

หากตลาดอยู่ในภาวะขาขึ้น (Bullish) ให้มองหาโอกาสในการเข้าซื้อ (BUY)

หากตลาดอยู่ในภาวะขาลง (Bearish) ให้มองหาโอกาสในการเข้าขาย (SELL)

เราจะใช้กรอบเวลาที่ใหญ่กว่า (Higher Timeframe – HTF) เช่น 1 ชั่วโมง (H1) หรือ 4 ชั่วโมง (H4) เพื่อมองหาการทะลุโครงสร้าง (Break of Structure – BOS) และการเปลี่ยนแปลงลักษณะของราคา (Change of Character – CHoCH) หลังจากนั้น ให้พิจารณาว่าตลาดกำลังอยู่ในโซนราคาแพง (Premium Zone) หรือโซนราคาถูก (Discount Zone)

ตัวอย่างการพิจารณาเพื่อเข้าเทรดฝั่งขาย (SELL)

  1. ราคากำลังเคลื่อนที่อยู่ในแนวโน้มขาลง
  2. เกิดการทะลุโครงสร้าง (BOS) ที่ยืนยันแนวโน้มขาลง
  3. ตลาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลา New York Kill Zone (เวลา 19:00 – 22:00 น. ตามเวลาประเทศไทย)

ขั้นตอนที่ 2: การมองหาโซนสภาพคล่อง (Liquidity Zones)

พิจารณาว่าตลาดได้เคลื่อนที่ไปเก็บสภาพคล่อง (Liquidity) ณ บริเวณใด

Buy-side Liquidity (BSL): คือบริเวณจุดสูงสุดเดิมที่มักจะมีคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss) ของผู้ที่เปิดสถานะขาย (SELL)

Sell-side Liquidity (SSL): คือบริเวณจุดต่ำสุดเดิมที่มักจะมีคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss) ของผู้ที่เปิดสถานะซื้อ (BUY)

โดยทั่วไปแล้ว “Smart Money” หรือผู้เล่นรายใหญ่มักจะผลักดันราคาขึ้นไปเพื่อเก็บสภาพคล่องฝั่งซื้อ (BSL) ก่อนที่ราคาจะกลับตัวลง

ตัวอย่างการมองหาสภาพคล่อง

หากตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง ให้สังเกตว่าราคาจะถูกดึงขึ้นไปเก็บ Buy-side Liquidity (BSL) หรือไม่ หากราคาขึ้นไปเก็บ BSL และหลังจากนั้นเกิดสัญญาณการกลับตัว (CHoCH) ขึ้น จึงค่อยมองหาจุดเข้าขาย (Sell)

ขั้นตอนที่ 3: รอให้ราคาเคลื่อนที่เข้าสู่ Kill Zone

ใช้ช่วงเวลา New York Kill Zone (19:00 – 22:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) เป็นหลักในการพิจารณาจุดเข้าเทรด

เหตุผลที่ต้องรอช่วงเวลานี้

1.เป็นช่วงที่ “Smart Money” หรือผู้เล่นรายใหญ่มักจะเข้าทำคำสั่งซื้อขายจำนวนมาก

2.เป็นช่วงที่ตลาดมักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง ส่งผลให้เกิดการกวาดสภาพคล่อง (Liquidity Grab)

3.เป็นช่วงที่มีโอกาสสูงในการเกิดช่องว่างของราคา (Fair Value Gaps – FVG) และบล็อกคำสั่งซื้อขาย (Order Blocks – OB)

ขั้นตอนที่ 4: การมองหา Order Block (OB) และ Fair Value Gap (FVG)

เมื่อราคาได้เคลื่อนที่ไปเก็บสภาพคล่องแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการมองหา Order Block (OB) หรือ Fair Value Gap (FVG)

Order Block (OB): คือบริเวณที่คาดการณ์ว่า “Smart Money” ได้วางคำสั่งซื้อขายไว้

Fair Value Gap (FVG): คือช่องว่างของราคาที่เกิดขึ้น ซึ่งตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับมาเติมเต็มช่องว่างนั้น

เราจะใช้โซนเหล่านี้เป็นจุดพิจารณาในการเข้าคำสั่งขาย (Sell)

ตัวอย่างการเข้าเทรดฝั่งขาย (Sell)

1.ราคาวิ่งขึ้นไปเก็บ Buy-side Liquidity (BSL) และจากนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะของราคา (CHoCH)

2.มองหา Bearish Order Block (OB ที่บ่งชี้การลง) ที่อยู่ใกล้กับช่วงเวลา Kill Zone

3.ตั้งคำสั่งขายล่วงหน้า (Sell Limit) ที่บริเวณ Order Block พร้อมกับตั้งจุดหยุดขาดทุน (SL) เหนือบริเวณ Order Block นั้น

ขั้นตอนที่ 5: การวางคำสั่งซื้อขายและกำหนดจุดหยุดขาดทุน/ทำกำไร (SL/TP)

เมื่อพบจุดเข้าเทรดที่เหมาะสมแล้ว ให้กำหนดแผนการบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

Sell Limit: ตั้งคำสั่งขายล่วงหน้าที่บริเวณ Order Block

Stop Loss (SL): กำหนดจุดหยุดขาดทุนไว้เหนือบริเวณ Order Block

Take Profit (TP): กำหนดเป้าหมายการทำกำไรที่บริเวณ Sell-side Liquidity

อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-to-Reward Ratio – RRR)

ควรตั้งค่า RRR ให้ได้อย่างน้อย 1:2 หรือมากกว่า เพื่อให้การเทรดมีความคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่รับได้

ขั้นตอนที่ 6: การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

ใช้หลักการบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันการขาดทุนจำนวนมาก

1.ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของขนาดพอร์ตการลงทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

2.อาจพิจารณาใช้การแบ่งขายทำกำไร (Partial TP) หรือการเลื่อนจุดหยุดขาดทุนตามกำไร (Trailing Stop) เพื่อล็อกผลกำไร

3.หลีกเลี่ยงการเข้าเทรดในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่มีผลกระทบสูง

ภาพรวมขั้นตอนการเข้าเทรดสำหรับฝั่งขาย (SELL SETUP)

  1. ตลาดอยู่ในโครงสร้างขาลง (Bearish Market Structure)
  2. ราคามีการเคลื่อนที่ขึ้นไปเก็บสภาพคล่องฝั่งซื้อ (Buy-side Liquidity)
  3. รอให้ราคาเคลื่อนที่เข้าสู่ช่วง New York Kill Zone
  4. มองหา Order Block (OB) และ Fair Value Gap (FVG) ที่เกิดขึ้น
  5. ตั้งคำสั่งขายล่วงหน้า (Sell Limit) พร้อมทั้งกำหนดจุดหยุดขาดทุน (SL) และเป้าหมายทำกำไร (TP)
  6. ปฏิบัติตามแผนการจัดการความเสี่ยง (Risk Management) อย่างเคร่งครัด

ภาพรวมขั้นตอนการเข้าเทรดสำหรับฝั่งซื้อ (BUY SETUP)

กระบวนการจะเหมือนกันกับฝั่งขายแต่ดำเนินการในทิศทางตรงกันข้าม

  1. ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish)
  2. รอให้ราคาเคลื่อนที่ลงไปเก็บสภาพคล่องฝั่งขาย (Sell-side Liquidity)
  3. รอให้ราคาเข้าสู่ช่วง New York Kill Zone
  4. วางคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Buy Limit) ที่บริเวณ Bullish Order Block (BOB หรือ OB ที่บ่งชี้การขึ้น) หรือ Fair Value Gap (FVG)
  5. ตั้งคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Buy Limit) พร้อมทั้งกำหนดจุดหยุดขาดทุน (SL) ไว้ใต้บริเวณ Order Block และเป้าหมายทำกำไร (TP) ที่บริเวณ Buy-side Liquidity
  6. ปฏิบัติตามแผนการจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

AI-LazyBear

- นักเขียนมือใหม่

Post navigation

Leave a Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *