เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง ICT Concept กับ SMC Concept

การเปรียบเทียบแนวคิด ICT และ SMC: ความเหมือนและความแตกต่าง
แนวคิด Inner Circle Trader (ICT) และ Smart Money Concept (SMC) เป็นสองกลยุทธ์การเทรดที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในกลุ่มนักเทรด ทั้งสองแนวทางนี้มีพื้นฐานมาจากการพยายามทำความเข้าใจและซื้อขายตามกิจกรรมของนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า “Smart Money” แม้ว่าทั้ง ICT และ SMC จะมีเป้าหมายร่วมกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่เด่นชัดในเรื่องผู้ริเริ่ม, จุดเน้น, เครื่องมือที่ใช้, ระดับความซับซ้อน และวิธีการประยุกต์ใช้ บทความนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง ICT Concept และ SMC Concept อย่างละเอียด เพื่อช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถทำความเข้าใจและเลือกแนวทางที่สอดคล้องกับรูปแบบการเทรดของตนเองได้


ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ICT Concept และ SMC Concept
แม้จะมีข้อแตกต่าง แต่ ICT Concept และ SMC Concept ก็มีหลักการพื้นฐานที่คล้ายคลึงกันในหลายด้าน ได้แก่:

1.หลักการบริหารความเสี่ยง: ทั้ง ICT และ SMC ต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เช่น การกำหนดระดับหยุดการขาดทุน (stop loss) ที่เหมาะสม และการควบคุมขนาดของการซื้อขาย เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก

2.การให้ความสำคัญกับนักลงทุนสถาบัน: ทั้งสองแนวคิดเชื่อว่านักลงทุนสถาบัน เช่น ธนาคาร, กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และบริษัทจัดการสินทรัพย์ มีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดเนื่องจากมีปริมาณเงินทุนมหาศาล ดังนั้น การทำความเข้าใจพฤติกรรมของพวกเขาจึงเป็นหัวใจสำคัญในการเทรดให้ประสบความสำเร็จ

3.ความสำคัญของสภาพคล่อง (Liquidity): ทั้ง ICT และ SMC เน้นย้ำถึงแนวคิดเรื่องสภาพคล่อง โดยมองว่าตลาดมักจะเคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่มีคำสั่งซื้อขายสะสมอยู่จำนวนมาก ซึ่งเรียกว่า “liquidity pools” นักเทรดจะพยายามระบุพื้นที่ที่ Smart Money อาจเข้ามาดำเนินการเพื่อเข้าถึงสภาพคล่องเหล่านั้น

4.การวิเคราะห์โครงสร้างตลาด (Market Structure Analysis): การวิเคราะห์โครงสร้างตลาด เช่น การระบุแนวโน้ม, จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สำคัญ, แนวรับแนวต้าน และการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้าง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งสองแนวทาง เพื่อกำหนดทิศทางและโอกาสในการเทรด ทั้งสองแนวคิดใช้ Break of Structure (BOS) และ Change of Character (ChoCH) เพื่อระบุการต่อเนื่องของแนวโน้มหรือสัญญาณการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น

5.การใช้ Order Blocks: Order blocks ซึ่งเป็นบริเวณที่คาดการณ์ว่านักลงทุนสถาบันได้วางคำสั่งซื้อขายจำนวนมากไว้ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในทั้ง ICT และ SMC เพื่อระบุจุดกลับตัวหรือบริเวณที่ราคาอาจมีการตอบสนองอย่างมีนัยสำคัญ

6.การใช้ Fair Value Gaps (FVG): Fair value gaps หรือช่องว่างของราคาที่แสดงถึงความไม่สมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ในทั้งสองแนวคิดเพื่อช่วยระบุจุดเข้าซื้อขายที่มีความเป็นไปได้สูง

ความแตกต่างระหว่าง ICT Concept และ SMC Concept

แม้ว่าจะมีหลักการที่คล้ายคลึงกันหลายประการ ICT Concept และ SMC Concept ก็ยังคงมีความแตกต่างในรายละเอียดและวิธีการนำไปประยุกต์ใช้ ดังนี้

ลักษณะICT (Inner Circle Trader) ConceptSMC (Smart Money Concept)
ผู้คิดค้นMichael J. Huddleston หรือที่รู้จักในนาม ‘Inner Circle Trader’ (ICT)เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า ซึ่ง SMC Concept อาจถือเป็นส่วนหนึ่งหรือได้รับอิทธิพลมาจาก ICT
การเน้นเน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค ณ ระดับราคาที่สำคัญ, การสังเกตพฤติกรรมการ “stop run” หรือการกวาดสภาพคล่องก่อนที่ราคาจะเคลื่อนไหวจริง และช่วงเวลาการซื้อขายที่สำคัญ (Kill Zones)เน้นการทำความเข้าใจพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบัน, การไหลของคำสั่งซื้อขาย (order flow), การระบุบริเวณที่มีสภาพคล่องสูง และการตระหนักถึงการควบคุมราคาและการปรับตัวตามสภาวะตลาดที่หลากหลาย
เครื่องมือหลักLiquidity pools, kill zones (ช่วงเวลาที่มีกิจกรรมการซื้อขายสูง), fair value gaps (FVGs), order blocks, market structure shifts (MSS), optimal trade entry (OTE), balanced price rangeOrder blocks, fair value gaps (FVGs), liquidity grabs, break of structure (BOS), change of character (ChoCH), supply and demand zones, volume analysis, market phases (อาจอ้างอิงถึง Wyckoff method)
ความซับซ้อนมักถูกมองว่ามีความซับซ้อนมากกว่า เนื่องจากมีคำศัพท์เฉพาะและทฤษฎีที่ต้องทำความเข้าใจ อาจมีช่วงการเรียนรู้ที่ค่อนข้างชันโดยทั่วไปมักเข้าถึงได้ง่ายกว่าและมีความยืดหยุ่นมากกว่า โดยเน้นที่ความเข้าใจพฤติกรรมของสถาบันในภาพรวม และอาจมีแนวทางที่เป็นสากลมากกว่า
กรอบเวลามักเน้นการเทรดในระยะสั้น เช่น scalping และ day trading โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลา kill zonesมีความยืดหยุ่น สามารถประยุกต์ใช้ได้กับการเทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยวิเคราะห์แนวโน้มและโครงสร้างในกรอบเวลาที่หลากหลาย
การวิเคราะห์ปริมาณให้ความสำคัญกับ price action เป็นหลัก แต่การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ปริมาณสามารถช่วยเสริมได้อาจมีการใช้การวิเคราะห์ปริมาณเพื่อยืนยันกิจกรรมของสถาบัน และบางครั้งอาจรวมถึงการวิเคราะห์ order flow
การตระหนักถึงการควบคุมราคามองว่าการควบคุมราคาโดยสถาบันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกวาดสภาพคล่อง (liquidity sweeps หรือ stop runs)ให้ความสำคัญกับการระบุและใช้ประโยชน์จากการควบคุมราคาที่ดำเนินการโดยผู้เล่นรายใหญ่ รวมถึงการหลีกเลี่ยง “กับดักของ Smart Money” (smart money traps)
ความจำเพาะเจาะจงนำเสนอเทคนิคและทฤษฎีที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการวิเคราะห์สภาวะตลาดนำเสนอแนวคิดและกรอบการทำงานที่กว้างกว่าสำหรับการเทรด โดยเน้นที่ความเข้าใจพฤติกรรมของสถาบันเป็นหลัก
การรวม Wyckoff Methodไม่ได้เน้นการใช้ Wyckoff method โดยตรงอาจมีการรวม Wyckoff method เพื่อวิเคราะห์ระยะของตลาด (market phases) เช่น การสะสม (accumulation) และการกระจาย (distribution) เพื่อทำความเข้าใจว่าสถาบันมีแนวโน้มที่จะสะสมหรือกระจายสินทรัพย์ในบริเวณใด

สรุป

โดยสรุปแล้ว ทั้ง ICT Concept และ SMC Concept เป็นแนวทางการเทรดที่มีคุณค่า ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าใจและเทรดตามร่องรอยของนักลงทุนสถาบันได้ อย่างไรก็ตาม ICT Concept มักจะมีความเฉพาะเจาะจงในด้านเทคนิคและช่วงเวลาการซื้อขาย ในขณะที่ SMC Concept มีแนวทางที่กว้างกว่าและอาจรวมถึงเครื่องมือและแนวคิดที่หลากหลายกว่า การเลือกใช้แนวทางใดนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล, สไตล์การเทรด และความเข้าใจในตลาดของแต่ละคน นักเทรดบางรายอาจพบว่าการผสมผสานองค์ประกอบจากทั้งสองแนวคิดเป็นประโยชน์ในการพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

การศึกษาและทำความเข้าใจหลักการของทั้งสองแนวทางอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดการเงิน

AI-LazyBear

- นักเขียนมือใหม่

Post navigation

Leave a Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *