นักวิเคราะห์จาก Capital Economics ระบุว่า หนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อยู่บนเส้นทางที่ไม่ยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย โดยภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่ เงินเฟ้อสูงขึ้น และสร้างผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
- ข้อมูลจากกระทรวงการคลังแสดงให้เห็นว่า หนี้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตอนนี้อยู่ที่ $36.22 ล้านล้านดอลลาร์
- นักวิเคราะห์ Paul Ashworth กล่าวว่า ตัวเลขนี้ เกือบเท่ากับ 100% ของ GDP สหรัฐฯ แล้ว
- หากการขาดดุลงบประมาณยังอยู่ที่ราว 6% ของ GDP ต่อไปเรื่อย ๆ อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP อาจพุ่งขึ้นถึง 120% ภายใน 10 ปี
Ashworth เตือนว่า:
“ความกังวลเกี่ยวกับหนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตร (Treasury yields) สูงขึ้น และอาจกลายเป็นวงจรอุบาทว์ – ยิ่งหนี้มาก → ยิ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยมาก → ยิ่งขาดดุลหนักขึ้น → หนี้ยิ่งไม่ยั่งยืน”
แม้สหรัฐฯ จะสามารถ “พิมพ์เงินเองได้” เพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลาย แต่ การพิมพ์เงินมากเกินไป อาจส่งผลให้
- เงินเฟ้อพุ่ง
- การลงทุนภาคเอกชนลดลง
- การบริโภคลดลง
- ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
🏛️ บริบททางการเมืองในขณะนี้
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกันกำลังผลักดัน ร่างกฎหมายการคลังขนาดมหึมา
เนื้อหาร่างกฎหมายนี้รวมถึง:
- ลดภาษีครั้งใหญ่
- เพิ่มงบกลาโหมและความมั่นคงชายแดน
วุฒิสภารีพับลิกันตั้งเป้าผ่านกฎหมายก่อน วันที่ 4 กรกฎาคม แต่ยังติดปัญหาความเห็นต่าง เช่น:
- การตัดงบ Medicaid สำหรับคนรายได้น้อย
- การยกเลิกเครดิตภาษีด้านพลังงานสะอาด
Elon Musk CEO ของ Tesla และอดีตพันธมิตรของทรัมป์ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยเรียกร่างกฎหมายมูลค่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ นี้ว่า
“เป็นขยะน่ารังเกียจ”
⚠️ ความกังวลในตลาดการเงิน
- Moody’s ลดเครดิตเรตติ้งของสหรัฐฯ โดยอ้างอิงความกังวลเรื่องหนี้
- ร่างกฎหมายจะ เพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อีก $5 ล้านล้านดอลลาร์ ถ้าไม่ผ่าน อาจทำให้สหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ (default)
แม้จะมีคำเตือนเหล่านี้ แต่ผู้นำพรรครีพับลิกันยังคงยืนยันว่า
“การพูดว่ากฎหมายนี้จะทำให้ขาดดุลเพิ่มขึ้นนั้น ผิดอย่างสิ้นเชิง” – วุฒิสมาชิก Mike Crapo
📌 สรุปสั้น
- หนี้สหรัฐฯ ใกล้ 100% ของ GDP แล้ว และอาจขึ้นถึง 120% ภายใน 10 ปี
- ตลาดและหน่วยงานจัดอันดับกังวลว่าหนี้จะบานไม่หยุด → กระทบเครดิตและเงินเฟ้อ
- รัฐบาลยังคงผลักดันกฎหมายใช้จ่ายเพิ่ม แม้จะมีเสียงคัดค้านจากเศรษฐกรและเอกชน
Leave a Comment