ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะตลาดจับตาการตอบโต้ของอิหร่านต่อการโจมตีจากสหรัฐ

สิงคโปร์, 23 มิ.ย. (รอยเตอร์) – ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนวิตกกังวลและหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ความเคลื่อนไหวยังไม่มากนัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังรอปฏิกิริยาของอิหร่านต่อการโจมตีที่สหรัฐกระทำต่อสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งได้เพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

การเคลื่อนไหวที่ชัดเจนเกิดขึ้นในตลาดน้ำมัน โดยราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงจากปฏิกิริยาแรกต่อเหตุการณ์ที่สหรัฐโจมตีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในตลาดเงินตรา ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับหลายสกุล โดยแข็งค่าขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่น ที่ระดับ 146.415 หลังจากเคยแตะจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน
ยูโรอ่อนค่าลง 0.33% อยู่ที่ 1.1484 ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสกุลเงินเสี่ยง อ่อนค่าลง 0.2% อยู่ที่ 0.6437 ดอลลาร์ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุล เพิ่มขึ้น 0.12% ที่ระดับ 99.037
เงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลง 0.25% อยู่ที่ 1.34175 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็อ่อนลง 0.24% อยู่ที่ 0.5952 ดอลลาร์

แครอล คง นักวิเคราะห์สกุลเงินจากธนาคาร Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า

“ตลาดกำลังอยู่ในโหมดรอดูว่าอิหร่านจะตอบโต้แบบใด โดยนักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบเชิงเงินเฟ้อจากความขัดแย้ง มากกว่าผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวม”

“ตลาดเงินตราจะผันผวนตามคำแถลงและการกระทำจากรัฐบาลอิหร่าน อิสราเอล และสหรัฐ ซึ่งความเสี่ยงในขณะนี้มีแนวโน้มเทไปทางที่ปลอดภัยมากขึ้น หากสถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรง”

อิหร่านให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ หลังจากสหรัฐทิ้งระเบิดทำลายบังเกอร์หนัก 30,000 ปอนด์ลงบนภูเขาเหนือไซต์นิวเคลียร์ Fordow ของอิหร่าน ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐได้เรียกร้องให้อิหร่าน “ถอย” ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านสงครามในเมืองใหญ่ต่าง ๆ ของสหรัฐ

นอกจากนี้ สภาอิหร่านได้อนุมัติแผนการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อชาติตะวันตกอย่างเป็นรูปธรรม โดยช่องแคบนี้เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันเกือบหนึ่งในสี่ของทั้งโลก และอยู่ระหว่างอิหร่าน โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ชารู ชานานา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจาก Saxo กล่าวว่า

“ตลาดมองว่าการโจมตีของสหรัฐต่ออิหร่านในครั้งนี้ยังเป็นเหตุการณ์ที่จำกัดอยู่ ไม่ใช่การเริ่มต้นของสงครามเต็มรูปแบบ”
“การไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างจำกัด บ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงเชื่อว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์เฉพาะหน้า ไม่ใช่ความปั่นป่วนใหญ่ต่อซัพพลายน้ำมันหรือการค้าโลก”

แม้ดอลลาร์จะกลับมาเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่นักลงทุนก็ยังลังเลที่จะเทเงินเข้าดอลลาร์มากนัก เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงไปแล้วกว่า 8.6% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินหลัก อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ และความกังวลต่อผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ

ในด้านคริปโตเคอร์เรนซี บิตคอยน์เพิ่มขึ้น 1.3% ในช่วงเปิดตลาดวันจันทร์ หลังจากร่วงลง 4% เมื่อวันอาทิตย์ ส่วนอีเธอร์เพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากร่วงลง 9% ในวันก่อนหน้า