การใช้ SMC เพื่อกำหนดจุดเข้าซื้อขาย (Entry) ที่มีความแม่นยำสูง
การบรรจบกันขององค์ประกอบ SMC หลายอย่างช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นของการเข้าซื้อขายที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก การรอให้ราคาโต้ตอบกับ Order Block หรือ FVG ในบริเวณที่คาดการณ์ว่าจะมีสภาพคล่อง จากนั้นมองหาการยืนยันกิจกรรมของสถาบัน จะให้กลยุทธ์การเข้าซื้อขายที่แข็งแกร่งกว่าการพึ่งพาองค์ประกอบเดียว สถาบันทิ้งร่องรอยไว้ในตลาดผ่าน order blocks และสร้างความไม่สมดุลผ่าน fair value gaps บริเวณเหล่านี้กลายเป็นโซนที่มีความน่าสนใจสูง เมื่อราคากลับมาที่โซนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสอดคล้องกับบริเวณที่คาดว่าจะมีสภาพคล่อง จะบ่งชี้ถึงโอกาสที่เป็นไปได้ในการเข้าซื้อขายในทิศทางของ smart money การยืนยันผ่านรูปแบบแท่งเทียนเฉพาะจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของการเข้าซื้อขายเพิ่มเติม
การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าภายในบริบทของโซน SMC ในกรอบเวลาที่สูงกว่า ช่วยให้กำหนดเวลาเข้าซื้อขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดีขึ้นและความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในการตั้งค่าการซื้อขาย กรอบเวลาที่สูงกว่าให้ทิศทางตลาดโดยรวมและระบุโซน SMC ที่สำคัญ กรอบเวลาที่ต่ำกว่าให้มุมมองที่ละเอียดกว่าของการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อราคาเข้าใกล้โซนเหล่านี้ การมองหารูปแบบหรือการยืนยันเฉพาะในกรอบเวลาที่ต่ำกว่าเหล่านี้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มในกรอบเวลาที่สูงกว่า ช่วยให้เทรดเดอร์พบจุดเข้าที่เหมาะสมพร้อมกับ stop loss ที่แคบลง
วิธีการใช้ SMC เพื่อกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่เหมาะสม
เมื่อระบุจุดเข้าซื้อขายแล้ว การวางคำสั่งหยุดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ เทรดเดอร์ SMC มักจะระบุระดับหยุดขาดทุนตาม Order Blocks และโครงสร้างตลาด การวาง stop loss ในระดับที่มีเหตุผลนอกเหนือจากจุดโครงสร้างช่วยป้องกันการถูกนำออกจากตลาดก่อนเวลาอันควร Order blocks ให้โซนที่ชัดเจนสำหรับการวาง stop loss
เมื่อซื้อขายตามแนวคิด Break of Structure (BOS) การวาง stop loss ใต้จุดต่ำสุดก่อนหน้า (สำหรับการซื้อ) หรือเหนือจุดสูงสุดก่อนหน้า (สำหรับการขาย) ถือเป็นแนวทางที่สมเหตุสมผล
สำหรับการซื้อขาย bullish order block การพิจารณาการวาง stop loss ใต้ order block นั้นเหมาะสม
เมื่อซื้อขาย fair value gap คำสั่งหยุดขาดทุนสามารถวางไว้นอก FVG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น สำหรับ bullish FVG ในแนวโน้มขาขึ้น การวาง stop loss ใต้ช่องว่างนั้นเหมาะสม
เมื่อใช้กลยุทธ์ liquidity grab การตั้ง stop loss ไว้ใต้ (หรือเหนือ) ไส้เทียนของแท่งเทียนที่เกิดการ grab นั้นเป็นเรื่องปกติ
หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป เช่น การวาง stop loss ใกล้กับโซนสภาพคล่องมากเกินไป การตระหนักว่าราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าหาสภาพคล่องและคาดการณ์โมเมนตัมในช่วงเวลาสำคัญเป็นสิ่งสำคัญ ราคามักถูกออกแบบมาให้กวาดผ่านจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดเพื่อนำคำสั่งหยุดขาดทุนออกไปก่อนที่จะเคลื่อนไหวตามทิศทางที่แท้จริง สถาบันแสวงหาสภาพคล่องเพื่อเติมเต็มสถานะของตนเอง โดยมักจะสร้างการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเพื่อกระตุ้นคำสั่งหยุดขาดทุนของรายย่อยก่อนที่จะกลับตัว การพิจารณาวางคำสั่งหยุดขาดทุนนอกบริเวณที่คาดว่าจะเกิด liquidity grab เช่น ใต้/เหนือระดับสำคัญ เช่น order blocks ถือเป็นเรื่องที่รอบคอบ
การปรับระดับ stop loss ตามสภาวะตลาดและความคืบหน้าของการซื้อขายเป็นอีกแง่มุมหนึ่งของการจัดการความเสี่ยง การปรับคำสั่งหยุดขาดทุนเพื่อล็อคผลกำไรในขณะที่ยังคงเปิดสถานะไว้หลังจากเกิด break of structure เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด การเลื่อน stop ไปที่จุดคุ้มทุนหลังจากราคาแสดงความมุ่งมั่นในทิศทางของคุณสามารถช่วยรักษาผลกำไรได้ นอกจากนี้ การเตรียมพร้อมที่จะออกจากสถานะหากพัฒนาการของโครงสร้างใหม่ขัดแย้งกับสมมติฐานของคุณเป็นสิ่งสำคัญ
การใช้ SMC เพื่อกำหนดเป้าหมายการทำกำไร (Take Profit)
หลักการ SMC ยังให้แนวทางในการกำหนดเป้าหมายการทำกำไรที่มีเหตุผล เป้าหมายมักถูกกำหนดโดยการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นบริเวณทำกำไรที่เป็นไปได้ Order blocks สามารถใช้เป็นระดับทำกำไรได้ การระบุ order blocks ที่ตรงกันข้ามสามารถช่วยในการกำหนดเป้าหมายทำกำไรที่เป็นจริงได้ เมื่อซื้อขายตามแนวคิด break of structure เป้าหมายทำกำไรของคุณควรเป็นโซนอุปทานถัดไปสำหรับการซื้อ หรือโซนอุปสงค์ถัดไปสำหรับการขาย
Liquidity pools ทำหน้าที่เป็นเป้าหมายหลักในการทำกำไร เนื่องจากสถาบันมักจะกำหนดเป้าหมายไปยังบริเวณเหล่านี้เพื่อดำเนินการซื้อขายของตนเอง การตั้งเป้าหมายอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 1:3 โดยกำหนดเป้าหมายไปยัง liquidity pools เพื่อทำกำไรเป็นแนวทางที่แนะนำ จุดสูงสุด/ต่ำสุด และช่วงการรวมตัว เป็นบริเวณที่นักลงทุนสถาบันมักจะวางคำสั่งซื้อขายเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหว และสิ่งเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็นเป้าหมายทำกำไรได้เช่นกัน
การใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนร่วมกับการวิเคราะห์ SMC เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการซื้อขายด้วยขนาดสถานะที่เหมาะสมตามคุณภาพของการตั้งค่าและอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเป็นสิ่งสำคัญ
การตั้งเป้าหมายอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอย่างน้อย 2:1 เมื่อซื้อขาย liquidity grabs เป็นแนวทางที่เหมาะสม
แม้แต่ในกลยุทธ์การซื้อขาย order block เป้าหมายที่ 1:1.5 ก็ถูกนำมาใช้
บทสรุป
แนวคิด Smart Money Concepts (SMC) นำเสนอแนวทางที่ละเอียดและซับซ้อนในการทำความเข้าใจพลวัตของตลาด โดยเน้นไปที่การกระทำและแรงจูงใจของนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ การทำความเข้าใจองค์ประกอบสำคัญ เช่น Order Blocks, Fair Value Gaps, Liquidity Pools, Break of Structure และ Change of Character ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการปรับปรุงความแม่นยำในการเข้าซื้อขาย การวาง stop loss และการกำหนดเป้าหมายทำกำไร การประยุกต์ใช้กลยุทธ์ SMC ที่ได้รับความนิยม เช่น การเทรดแบบ Order Block to Order Block หรือการใช้ FVG เป็นจุดเข้า สามารถให้โอกาสในการซื้อขายที่มีความน่าจะเป็นสูงได้ ตัวอย่างการเทรดจริงแสดงให้เห็นถึงการนำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้ในสภาวะตลาดต่างๆ การใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่มากมาย รวมถึงเว็บไซต์ บล็อก หนังสือ และแพลตฟอร์มการซื้อขาย สามารถช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนาความเข้าใจในแนวคิด SMC และนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขายของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Leave a Comment