หุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น หลังทรัมป์เลื่อนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอียู และความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่ง

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในวันอังคาร หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลื่อนแผนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปออกไป ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดเพิ่มเติม

ณ เวลา 10:58 น. ตามเวลา ET (15:58 GMT) ดัชนี Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 500 จุด หรือ 1.2%, ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 89 จุด หรือ 1.5%, และดัชนี NASDAQ Composite เพิ่มขึ้น 350 จุด หรือ 1.9%

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวัน Memorial Day

ทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษี 50% ต่อสินค้าจากอียู ไปเป็นเดือนกรกฎาคม

ความเชื่อมั่นของตลาดได้รับแรงหนุน หลังทรัมป์ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าได้ตกลงเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอียูที่ตั้งไว้ 50% ออกไปเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม หลังจากการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน

ทรัมป์ยังระบุด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐจะเริ่มเจรจาการค้ากับอียูอย่างจริงจัง ขณะที่ทางด้านอียูก็ส่งสัญญาณว่าความสัมพันธ์กับวอชิงตันกำลังดีขึ้น

พัฒนาการนี้ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุน หลังจากเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีต่ออียูรวมถึงบริษัท Apple ซึ่งทำให้ตลาดร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์ โดยทั้งสามดัชนีหลักปรับลดลงมากกว่า 2% ตลอดสัปดาห์

โดยกำหนดเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม ยังตรงกับช่วงที่สหรัฐจะเริ่มใช้มาตรการภาษีแบบ “ต่างตอบแทน” (reciprocal tariffs) ทำให้ตลาดยังคงจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับคู่ค้า

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฟื้นตัวแรงในเดือนพฤษภาคม หลังจากลดลงต่อเนื่องมาห้าเดือน โดยได้แรงหนุนจากความหวังในสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ประกาศในช่วงกลางเดือน

ตามรายงานของ The Conference Board ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) พุ่งขึ้น 12.3 จุด สู่ระดับ 98.0 สูงกว่าคาดการณ์ที่ 87.1 อย่างมาก

การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากมุมมองเชิงบวกทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยดัชนีคาดการณ์ (Expectations Index) เพิ่มขึ้น 17.4 จุด เป็น 72.8 ขณะที่ดัชนีสถานการณ์ปัจจุบัน (Present Situation Index) เพิ่มขึ้น 4.8 จุด เป็น 135.9

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส สเตฟานี กิชาร์ด ระบุว่าความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นตัวก่อนมีข้อตกลงการค้ากับจีน และเร่งตัวขึ้นหลังจากนั้น แสดงให้เห็นถึงผลบวกของข้อตกลงต่อทัศนคติของผู้บริโภค

สุนทรพจน์จากเฟดเพิ่มเติม และคำเตือนจากข้อมูลคำสั่งซื้อสินค้าคงทน

การที่ทรัมป์กลับลำเรื่องภาษีอียู สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของเขา และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เปราะบางอยู่แล้ว

ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (durable goods) ลดลง 6.3% ในเดือนเมษายน หลังจากเพิ่มขึ้น 7.6% ในเดือนมีนาคม โดยการลดลงส่วนใหญ่มาจากหมวดอุปกรณ์ขนส่งที่ลดลง 17.1% หรือประมาณ 20.3 พันล้านดอลลาร์

ในวันอังคาร นักลงทุนยังจับตาคำกล่าวของประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส นีล แคชการี และประธานเฟดนิวยอร์ก จอห์น วิลเลียมส์ ซึ่งจะเสริมจากความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผลประกอบการ Nvidia รอเปิดเผย

ฤดูกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 เกือบสิ้นสุดแล้ว โดยมีมากกว่า 95% ที่รายงานแล้ว และในจำนวนนี้ 78% ทำกำไรได้ดีกว่าคาด ตามข้อมูลจาก FactSet

แม้จะมีบางบริษัทอย่าง Okta (NASDAQ:OKTA) ที่จะรายงานผลหลังตลาดปิดในวันอังคาร แต่นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูผลประกอบการไตรมาสแรกของ Nvidia (NASDAQ:NVDA) ในคืนวันพุธ

Nvidia ถือเป็นตัวแทนสำคัญของความต้องการ AI ทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตชิป และมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมหาศาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์คาดว่า Nvidia จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่ม AI ที่เรียกว่า “AI Hyperscalers” ยังคงใช้จ่ายอย่างมากในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา

สายการบิน Southwest เปลี่ยนนโยบายกระเป๋า – Salesforce ใกล้ควบรวม Informatica

หุ้น Southwest Airlines (NYSE:LUV) ปรับตัวขึ้น หลังจากบริษัทประกาศจะเรียกเก็บเงิน 35 ดอลลาร์สำหรับกระเป๋าใบแรก และ 45 ดอลลาร์สำหรับใบที่สอง ยุตินโยบายกระเป๋าฟรีที่เคยมี

ขณะที่หุ้น Salesforce (NYSE:CRM) ปรับตัวขึ้นเช่นกัน หลังมีรายงานจาก Wall Street Journal ว่าบริษัทกำลังเจรจาใกล้จะปิดดีลซื้อกิจการ Informatica มูลค่าประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์

ราคาน้ำมันรอผลประชุม OPEC+

ราคาน้ำมันปรับตัวลงในวันอังคาร นักลงทุนรอการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งอาจส่งสัญญาณสำคัญเรื่องระดับการผลิตในอนาคต

ณ เวลา 11:00 น. ตามเวลา ET สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ลดลง 0.9% มาอยู่ที่ 63.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ลดลง 1% เหลือ 60.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตามรายงานของ Bloomberg กลุ่ม OPEC+ กำลังพิจารณาการเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนกรกฎาคม อาจเพิ่มถึง 411,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด

กลุ่ม OPEC+ อยู่ระหว่างการทยอยยกเลิกการลดกำลังการผลิต โดยก่อนหน้านี้ประกาศเพิ่มปริมาณน้ำมันในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน

ロードニ

10年以上の経験を持つプロフェッショナルなFXトレーダー。テクニカル分析とリスク管理を得意とし、変動の激しい市場でも一貫したパフォーマンスを発揮。

Post navigation

Leave a Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *